อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ ทารกและคุณแม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

22 July 2025
6 view

ในช่วง อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ ทารกในครรภ์เริ่มมีการเจริญเติบโตอย่างชัดเจน มีการพัฒนาของอวัยวะภายในและระบบประสาท ส่วนคุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง เช่น การตั้งครรภ์ที่ชัดเจนขึ้น อาการแพ้ท้องและความเหนื่อยล้าก็อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เติบโตอย่างแข็งแรงที่สุด

อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ เท่ากับกี่เดือน

อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ เท่ากับประมาณ 2 เดือนและ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงปลายของไตรมาสแรกที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในพัฒนาการของทารกและร่างกายของแม่ ในช่วงนี้ ทารกมีความยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร และมีการเจริญเติบโตของอวัยวะภายใน รวมทั้งการเคลื่อนไหวเล็กน้อยภายในครรภ์ที่แม่อาจไม่รู้สึก สำหรับคุณแม่ การตั้งครรภ์ 11 สัปดาห์ จะมีอาการแพ้ท้องและอ่อนเพลียที่เริ่มลดลงบ้าง แต่ยังควรดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด พร้อมรับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และทารก

การเปลี่ยนแปลงของทารก เมื่ออายุครรภ์ 11 สัปดาห์

  1. ในช่วง อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ ทารกมีความยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร และมีน้ำหนักไม่กี่กรัม ซึ่งเป็นช่วงที่การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเกิดขึ้น
  2. อวัยวะภายในของทารก เช่น หัวใจ ตับ และไต เริ่มมีการทำงานชัดเจนขึ้น รวมทั้งสมองและระบบประสาทก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  3. ลักษณะใบหน้าเริ่มชัดเจน มีตา จมูก และปากที่แยกออกจากกันมากขึ้น มือและเท้าก็เริ่มมีนิ้วชัดเจน รวมทั้งสามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยภายในครรภ์
  4. ระบบภายในของทารก เช่น ระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินปัสสาวะ เริ่มสมบูรณ์ขึ้น ทำให้ทารกมีพัฒนาการด้านร่างกายอย่างต่อเนื่อง
  5. ผิวหนังของทารกยังบางและใส แต่ในอนาคตจะเริ่มมีการสร้างชั้นไขมันใต้ผิวหนังเพื่อเป็นฉนวนกันความร้อนและช่วยในการเจริญเติบโต

การเปลี่ยนแปลงของคุณแม่ เมื่ออายุครรภ์ 11 สัปดาห์

คุณแม่ที่มี อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ จะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ที่สังเกตได้ดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย 

ในช่วงอายุครรภ์ 11 สัปดาห์ คุณแม่อาจรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายมากขึ้น เนื่องจากระดับฮอร์โมนในร่างกายยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิม นอกจากนี้ อาการคลื่นไส้และอาเจียนซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ อาจเริ่มลดลงบ้าง แต่บางรายอาจยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน หน้าท้องอาจยังไม่ขยายตัวมากนัก แต่บางรายอาจรู้สึกว่ามีความรู้สึกตึงหรือขยายเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังปรับตัวให้รองรับการเติบโตของทารกในครรภ์

2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 

ในช่วงนี้ฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนและเอสโตรเจนยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยในการรักษาการตั้งครรภ์และสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเหล่านี้อาจส่งผลต่ออารมณ์และสภาพจิตใจของคุณแม่ เช่น อาจมีอารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิดหรือรู้สึกเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงนี้

3. การเปลี่ยนแปลงของระบบร่างกาย 

ระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้นทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารกและเนื้อเยื่อของคุณแม่ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและอาจรู้สึกว่าหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ ผิวหนังอาจเปล่งปลั่งและมีความมันมากกว่าเดิม เนื่องจากการทำงานของต่อมไขมัน แต่บางรายอาจพบปัญหาเช่น ผื่นแพ้ง่ายหรือรอยแตกลายบนผิวหนังที่เริ่มปรากฏขึ้น

4. อาการที่อาจพบ 

ในช่วงนี้ คุณแม่อาจรู้สึกเวียนศีรษะง่ายขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนและการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอาการหายใจไม่สะดวกหรือรู้สึกแน่นในทรวงอกเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ นอกจากนี้ ผิวหนังอาจเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น การขยายตัวของเต้านม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองได้ รวมถึงรอยแตกลายที่อาจปรากฏขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

ควรดูแลตัวเองอย่างไร ในช่วงตั้งครรภ์ 11 สัปดาห์

  1. รับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วน เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาของทารกในครรภ์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และธาตุเหล็ก
  2. รับประทานวิตามินเสริม เช่น โฟเลต เพื่อช่วยป้องกันความผิดปกติของสมองและไขสันหลังของทารก
  3. ดื่มน้ำเพียงพอทุกวัน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายและช่วยระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจมีผลเสียต่อพัฒนาการของทารก
  5. พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงความเครียด เพื่อสนับสนุนสุขภาพจิตและร่างกายของคุณแม่
  6. ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินหรือโยคะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิต
  7. เข้ารับการตรวจครรภ์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของครรภ์และรับคำแนะนำจากแพทย์
  8. งดใช้ยาและสมุนไพรที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และทารก
  9. สังเกตอาการผิดปกติ เช่น เลือดออก ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือมีไข้สูง และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการผิดปกติ

สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องระวังในช่วงนี้

ในช่วง ตั้งครรภ์ 11 สัปดาห์ นี้ คุณแม่ควรใส่ใจและระวังในหลายด้านเพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและสมบูรณ์ การรับประทานอาหารที่สะอาดและมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบหรืออาหารที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น เนื้อดิบหรืออาหารทะเลสด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อสุขภาพของแม่และลูกได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจมีผลต่อพัฒนาการของทารกและเสี่ยงต่อภาวะแท้งหรือคลอดก่อนกำหนด การดูแลสุขภาพจิตและร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่น การยกของหนักหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากเกินไป หากพบอาการผิดปกติ เช่น เลือดออก ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือไข้สูง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ในช่วง อายุครรภ์ 11 สัปดาห์  คุณแม่จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาการของทารกในครรภ์ก็เริ่มชัดเจน การดูแลสุขภาพอย่างระมัดระวัง การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการพบแพทย์ตามนัดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและสุขภาพดีทั้งแม่และลูก

 

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1. ยารักษาอาการแพ้ท้อง … ที่ปลอดภัย

2. แพ้ท้องแทนภรรยา นักวิจัยค้นพบมีจริงๆนะ

2. แพ้ท้องรุนแรงอันตรายต่อแม่และทารกในครรภ์จริงหรือ?

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team

  • No tag available